...

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Tip จัดห้องน้ำในคอนโด ( spacing,furnishing,decorating )

decorating idea design

Tip จัดห้องน้ำในคอนโด ( spacing,furnishing,decorating )



ห้องน้ำกับการตกแต่งเป็นเรื่องที่ฟังดูยุ่งยาก เพราะนอกจากจะมีพื้นที่น้อยกว่าห้องอื่นๆ ในบ้านแล้ว
ยังมีอุปสรรคจุกจิกเรื่องความชื้นมาประกอบ ยิ่งถ้าเป็นห้องน้ำในคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่จำกัดยิ่งแล้วใหญ่
แต่อย่าเพิ่งถอดใจไปเสียก่อน เรื่องแบบนี้อยู่ที่เทคนิค
ถ้ารู้เคล็ดลับดีๆ การแต่งห้องน้ำในคอนโดฯ ก็ไม่ใช่ mission impossible เสียทีเดียว
วันนี้มีเคล็ดลับดีๆ มาฝากจากคอลัมน์ Bathroom ของ Plus Magazine
ว่าด้วยเรื่อง small space, best quality
เรามาเริ่มกันที่เคล็ดลับ cleaning tips มีองค์ประกอบ 3 ข้อ
1.หมั่นทำความสะอาดห้องน้ำอยู่เสมอ โดยเฉพาะซอกมุมและบริเวณใกล้ท่อระบายน้ำ
เพราะเป็นจุดที่มีน้ำขังบ่อย คราบสกปรกจะเกาะติดจนขัดล้างยาก
2.สุขภัณฑ์ที่มีซอกมุมน้อยจะทำความสะอาดง่ายกว่า
เลือกน้ำยาทำความสะอาดให้เหมาะสมกับพื้นผิววัสดุของสุขภัณฑ์จะช่วยยืดอายุการใช้งาน
3.สำรวจบริเวณสะดืออ่างล้างหน้าและอ่างอาบน้ำ พยายามอย่าให้เศษผมหรือเศษฝุ่นละอองเข้าไปอุดตัน

spacing "สำคัญที่พื้นที่"
ห้องน้ำในคอนโดฯ มีพื้นที่จำกัด ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในการตกแต่งคือ ความโปร่ง
สีหลักที่ใช้จึงควรเป็นสีสว่าง เช่น สีขาว สีครีม โดยเฉพาะพื้นห้องน้ำ
ถ้ามีโอกาสเลือกวัสดุปูพื้นเอง ควรเลือกพื้นผิวที่สะท้อนแสงได้ดี
เพราะจะทำให้ห้องดูสว่างและกว้างขึ้น แถมยังทำความสะอาดง่าย
เพิ่มมิติด้วยกระจกเงาติดผนัง ซึ่งจะช่วยสะท้อนแสงและทำให้ห้องดูกว้าง
สเต็ปต่อมาคือ แบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งให้ชัดเจน จะทำให้วางแผนการแต่ง
ห้องน้ำได้ง่ายขึ้นจนน่าแปลกใจ ส่วนเปียกคือส่วนที่จะไม่ค่อยมีของตกแต่ง
หรือถ้ามีก็จะเป็นของที่ไม่ดูดซับความชื้น เช่น อะลูมิเนียม สเตนเลส
ส่วนแห้งจะใช้เป็นที่เก็บข้าวของจุกจิก การแบ่งก็เพียงแค่หาม่านพลาสติกหรือกระจกใส
แบบอัดแรง(temper) ที่มีความปลอดภัยในการใช้งานมากั้น
เท่านี้ก็ไม่ต้องคอยห่วงว่าน้ำจากฝักบัวหรืออ่างอาบน้ำจะกระเด็นมาโดนเฟอร์นิเจอร์

furnishing จัดวางยังไงไม่ให้รก
เทรนด์การออกแบบเครื่องสุขภัณฑ์ยุคนี้ใส่ใจเรื่องความเรียบง่ายและประโยชน์ใช้สอย
ดังนั้นของตกแต่งจุกจิกอื่นๆ ก็ควรจัดวางให้เหมาะสม เช่น แทนที่จะแขวนข้าวของ
ทุกอย่างไว้บนผนัง ลองหาตู้ติดผนังมาเก็บให้เป็นระเบียบไม่รกตา
อย่าลืมใช้พื้นที่ให้คุ้มค่าที่สุด ไม่เว้นแม้แต่บริเวณที่มีส่วนไม่น่ามอง เช่น
ท่อน้ำใต้เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า แค่หาตู้เก็บของหรือหน้าบานปิดบังไว้
ใช้เป็นที่เก็บพวกน้ำยาทำความสะอาดและแปรงขัดพื้นต่างๆ ได้ไม่เสียเปล่า

decorating แต่งเติมเสริมให้สวย
แต่ละคนย่อมมีสไตล์ที่ชอบต่างกันไป
แต่มีอยู่สองเรื่องที่ต้องยึดไว้เป็นกฎเหล็ก คือ พื้นที่กับความชื้น เพราะฉะนั้น
เลือกของตกแต่งชิ้นเดียวที่โดดเด่นจะดีกว่าวางข้าวของจุกจิกกระจายเกลื่อน
หากอยากเพิ่มความสดชื่นให้กับห้องน้ำด้วยสีเขียวของต้นไม้
ต้องเลือกต้นไม้ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก และไม่ต้องคอยห่วงเรื่องความชื้น เช่น พลูด่าง
อาจจะนำมาวางไว้ด้านบนของฝาปิดชักโครกหรือจะลงทุนเจาะผนังเสียหน่อยและแขวนไว้

เลือกเฟอร์นิเจอร์ครัวให้ถูกใจ

เลือกเฟอร์นิเจอร์ครัวให้ถูกใจ

decorating idea design

ปัจจุบันเฟอร์นิเจอร์ห้องครัวมีหลากหลายชนิด หลากหลายยี่ห้อ ให้เลือกซื้อ
ไม่ว่าจะเป็นพัดลมดูดอากาศ เคาน์เตอร์ครัว อ่างล้างจาน เตาแก๊ส ฯลฯ
อีกทั้งผู้ขายแต่ละบริษัทก็พยายามโฆษณาสรรพคุณต่างๆ จนทำให้งง
เฟอร์นิเจอร์ครัวถือเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้จำเป็นในบ้าน ถ้าเจ้าของบ้านชอบเข้าครัว
ทำอาหารก็ยิ่งจะให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนที่เป็นห้องครัวเป็นพิเศษ หากคุณกำลังคิดจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ในห้องครัว ควรตรวจเช็กอะไรบ้าง
คอลัมน์ "คนรักบ้าน" มีข้อแนะนำพื้นฐานในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ในครัว 4-5 ข้อ
เผื่ออาจจะช่วยท่านได้บ้าง
1.วัสดุที่บุผิวติดสนิทหรือไม่ (เวลาใช้จะได้ไม่ลอกไม่ล่อน)
2.วัสดุผิวทนความร้อนมากน้อยเพียงใด
3.ลิ้นชักหรือบานตู้ลื่น-แข็งแรงแค่ไหน
(เวลาท่านใส่ของแล้วลิ้นชักพื้นตู้อาจจะแอ่นจนทานเลื่อนลิ้นชักและเปิดประตูไม่ได้)
4.วัสดุที่ประกอบอมความชื้นมากน้อยเพียงใด
(อมความชื้นมาก ครัวท่านจะเหม็นกลิ่นอับ)
5.การเดินท่อน้ำ-ท่อไฟ เรียบร้อยและซ่อมแซมได้หรือไม่
(ระวังไฟชอร์ต ท่อน้ำตัน หรือพัดลมดูดอากาศไม่ทำงานภายหลัง)

ผนังบ้านกับสีทาบ้านและการเลือกใช้สี

ผนังบ้านกับสีทาบ้านและการเลือกใช้สี

decorating idea design

สีทาผนังบ้าน
สำหรับผนังปูน ก็จะนิยมใช้สีน้ำพลาสติกที่มีส่วนผสมของอะคลีลิค 100%
หรือที่เราเรียกกันว่า สีน้ำอะคลีลิค นั่นเอง มีทั้งชนิด ด้าน และแบบ กึ่งเงา
สีด้าน จะดูสะอาด กระจ่างแต่ไม่กระจายแสง สีนวลใสแต่จะสกปรกง่าย
สีกึ่งเงา จะดูนวลเมื่อโดนแสงไฟหรือแสงแดด เช้ดทำความสะอาดได้ เงาเล็กน้อย
ลูบดูจะลื่นมือ ฝุ่นจะไม่ค่อยจับผนัง

การทาสีผนังต้องมีการเตรียมพื้นผิวดังนี้
ลอก ขูด หรือขัดทำความสะอาดสีเก่าออกให้หมดด่อน
ใช้กระดาษทรายบางขัดเบาๆ แล้วปัดฝุ่นออกให้หมด บางทีก็สามารใช้น้ำฉีดได้
ทาสีรองพื้นปูนเก่า สำหรับบ้านที่สร้างมานานกว่าห้าปี
สีรองพื้นปูนเก่าจะออกใสๆ ทารองพื้นรอบหรือสองรอบแล้วแต่พื้นผิว
ทาสีรองพื้นปูนใหม่ สำหรับบ้านที่สร้างมาไม่ถึงห้าปี สีรองพื้นปูนใหม่จะออกสีขาว
ทาสีจริงอย่างน้อยสองรอบแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง

สำหรับผนังไม้หรือส่วนที่สร้างจากไม้ ถ้าจะให้ทนทานรักษาง่ายก็มักทาด้วยสีน้ำมัน
หรือเป็นสีทาไม้โดยตรง ซึ่งจะทาด้วยสีย้อมไม้ตามชอบก่อนแล้วจึงทาสีเคลือบเนื้อไม้อีกที
สีทาไม้จะมีส่วนผสมที่จะรักษาเนื้อไม้ให้ปราศจาก ปลวก กันความชื้นและกันเชื้อรา
วิธีการทาสีไม้ ก็เริ่มจากการขัดเอาสีเก่าออกให้หมดแล้วทาสีย้อมไม้สองรอบ
จากนั้นทาสีเคลือบทับให้เงาและเป็นการป้องกันเนื้อไม้ด้วย

สำหรับส่วนที่ทำด้วยเหล็ก จะใช้สีน้ำมันทา อันนี้ต้องทารองพื้นด้วยสีกันสนิมก่อนแล้วทาสีจริงตามชอบ
วิธีทาสีเหล็กประตูหรือเหล็กดัด ก็ เริ่มจากการลอกสีเก่าออก ให้ใช้น้ำยาลอกสีเหล็ก
หลังจากลอกสีแล้วให้ขัดส่วนที่เป็นสนิมออกให้หมดก่อน ล้างทำความสะอาดตากให้แห้ง
จากนั้นก็ทาสีรองพื้นกันสนิม หรือถ้าสีที่ใช้มีส่วนผสมกันสนิมอยู่แล้วก็ไม่ต้องทาสีกันสนิม
แต่ทาสีจริงได้เลย ทาอย่างน้อยสองรอบแล้วทิ้งไว้มากกว่า 24 ชั่วโมงเพราะสีน้ำมันจะแห้ง
ยากและมีกลิ่นเหม็นมาก
อ้อ รอยร้าวต่างๆที่ไม่ได้มาจากโครงสร้างจะต้องทำการเซาะให้รอยแตกนั้นกว้างและลึก
ประมาณ 1 cm แล้วใช้อะคลีลิคอุดรอยร้าว จะออกเป็นหลอดที่เป็นครีมสีขาว บีบอุดรอย
ที่เซาะแล้วลูบให้เรียบไปตามแนวผนัง จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งสนิทแล้วจึงทาสีรองพื้นทับแล้ว
ทาสีจริง เท่านี้รอยร้าวก็ถูกปกปิดแล้ว
สีบางชนิดอาจช่วยปกปิดได้แต่ก็จะไม่มิดถ้าไม่มีการอุดฉาบเสียก่อน ถ้าฉาบทับอย่างเดียว
หลังทาสีทับก็จะเห็นร่องรอย ฉะนั้นทำการอุดรอยร้าวก่อนทาสีจะได้ผลที่สุด

สีทาบ้านกับการเลือกใช้
เชื่อว่าสีของบ้านนั้นก็มีความสำคัญมากทีเดียว แต่ละคนก็มีความชื่นชอบสีที่ต่างกันไป
เราลองมาดูวิธีการเลือกสีให้บ้านเรากันดีกว่าค่ะ
ลักษณะทั่วไปของสีนั้นจะมีด้วยกัน 2 ประเภท ใหญ่ๆ
1. สีน้ำมันหรือสีเคลือบเงา ประเภทนี้ต้องใช้น้ำมันหรือทินเนอร์เป็นตัวผสมทำให้เจือจาง
สำหรับทางานไม้หรือโลหะเพื่อความเงางามและทำความสะอาดได้ง่าย
สีประเภทนี้ถ้านำไปทาผิวปูนหรือพวกผิวไม้เทียม จะไม่ติดหรือติดบ้างแต่จะหลุดออกได้ง่าย
2. สีพลาสติกหรือสีอะครีลิค สีนี้จะใช้น้ำเป็นตัวผสมทำให้เจือจาง
เมื่อสีแห้งสีจะไม่เจือจางหรือหลุดลอกไปตามน้ำ
สีชนิดนี้เหมาะกับ พื้นปูนและพื้นคอนกรีตทั่วไปรวมทั้งกระเบื้องแผ่นเรียบด้วย
ลักษณะการใช้งานของสีทั้ง 2 ประเภทคือการใช้ทาภายในและภายนอก
คุณภาพความคงทนของสีก็ขึ้นอยู่กับราคาที่ต่างกันออกไปด้วย
แต่ละยี่ห้อก็จะมีหลายสีหลายเกรด ต่างกันไปด้วย
เช่น เกรด A B C ก็จะมีส่วนผสมของเม็ดสี อะครีลิค ลดหลั่นกันลงมาตามเกรด
รวมทั้งอายุการใช้งานด้วย ก็ลดหลั่นกันลงมาตามกัน
การเปรียบเทีนยสีว่ายี่ห้อไหนดีกว่ากันนั้นต้องเอา เกรด ต่างๆ มาเทียบกัน
การตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณของเรา
คิดว่าเรื่องของสีทาบ้าน คงพอเข้าใจกันบ้างแล้วในการเลือกใช้ทีนี้ก็ไม่ต้องคิดมากแล้วเรื่องการหาสีให้บ้านเรา

วิธีจัดบ้านให้เย็น

decorating idea design


การจัดบ้านให้เย็นรับลมร้อน หน้าร้อนของเมืองไทยเป็นหัวข้อยอดนิยมตลอดกาล การจัดบ้านให้เย็นมีทั้งแบบให้ความรู้สึกที่สัมผัสได้ว่าเย็นจริง กับ บรรยากาศเย็นๆ เรามาดูทั้งสองแบบในครั้งนี้ด้วยกันเลย

แบบแรก จัดบ้านให้เย็นแบบสัมผัสได้ ถ้าง่ายที่สุด เราก็ติด แอร์ หรือพัดลม ซึ่งแน่นอนแก้ปัญหาทันที อันที่จริงบ้านเราถ้าจะไม่ใช้อุปกรณ์เครื่องกลในการลดความร้อนของหน้าร้อนแทบจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ต้องไปอยู่ตามท้องทุ่งหรือริมทะเล แต่ถ้าท่านต้องการอยู่ในเมืองแล้วมีการสร้างสัมผัสเย็นสบาย ลองเอาองค์ประกอบหลัก 5 อย่างในธรรมชาติมาใช้กับบ้านเราเพื่อสร้างบรรยากาศบ้านเย็นดีกว่า องค์ประกอบ 5 ธาตุหลักคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม้ ถ้าเรารักษาสมดุลย์ของทั้ง 5 อย่างในบ้านเราได้รับรองเย็นสบายแน่นอน การเริ่มให้ดูก่อนว่าบ้านเราขาดอะไรใน 5 อย่างนี้ หรือมีอะไรที่มากเกินไป อะไร ที่เกินก็ลด อะไรที่ขาดก็เพิ่ม ลองมาดูว่ามีอะไรบ้าง

ดิน กระเบื้อง หิน อิฐ รวมถึงสนาม คือ ดิน เรา ต้องเห็นหรืออยู่กับดิน คือท่านอาจมีสวนหย่อมภายนอกบ้านหรือห้อง พื้นห้องที่ไม่ใช่ห้องนอนก็เป็นกระเบื้องหรือหิน ทั้งกระเบื้องและหินต่างมีคุณสมบัติดูดความชื้น ยิ่งอยู่ในที่ร่มจะเย็นตลอดเวลา มีส่วนช่วยลดอุณหภูมิได้ดีมาก แต่มีข้อระวังผู้ใหญ่ ท่านที่มีโรคปวดข้อ ปวดกระดูก ไม่ควรนั่งบนพื้นเย็นๆ โดยตรงแต่ให้มีผ้ารองหรือนั่งบนเก้าอี้

น้ำ ตรงตัว คือน้ำ หรือ แก้ว กระจก การมีบ่อปลา หรือบ่อบัวใกล้ๆ หรือแบบโบราณมีโอ่งดินเผาใส่น้ำ หรือรองน้ำฝนไว้ ใกล้ห้องนั่งเล่น แต่ถ้าอยู่ในที่เล็ก เอาแก้วน้ำใสสวยๆเลี้ยงพลูด่างวางข้างหน้าต่างก็ได้ คำเตือนอออย่าเอาน้ำฝนในเมืองมาดื่มเหมือนสมัยก่อน นะค่ะ แค่รดน้ำต้นไม้ก็พอ

ลม บ้านโปร่ง ลมผ่าน อย่างที่บอกข้างต้นว่าต้องใช้เครื่องกลช่วย ทั้งพัดลมและแอร์ ถ้าท่านต้องการเย็นสบายฉ่ำ แต่ถ้าท่านทำได้เลือกทิศบ้านวางด้านยาวให้อยู่ในแนวทิศเหนือใต้เพื่อเปิดรับลมพร้อมหลบแดด
ได้ตั้งแต่ต้นจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด แต่หากห้องท่านอยู่ในทิศตะวันออก ตะวันตก หัวข้อไม้ช่วยได้มาก หากว่าบ้านท่านอยู่ทิศถูกก็จริงแต่อยู่ในเมืองที่อับลมคงต้อง

ไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหลายอย่าไว้ในห้องแอร์จะทำให้แอร์ทำงานหนักและเย็นช้า

ไม้ ไม้มามีส่วนร่วมในชีวิตของเราหลายรูปแบบมากทั้งที่เป็นต้นไม้ ไม้แปรรูปและผ้า ถ้าท่านอยู่บ้านไม้อยู่แล้วนับเป็นบุญ เพราะบ้านไม้ระบายอากาศดีเยี่ยมแต่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับการติดแอร์ แต่การอยู่บนพื้นไม้ก็เย็นสบายและดีต่อสุขภาพ เพื่อร่วมกันรณรงค์ลดความร้อนวัสดุ เช่น พื้นไม้ลามิเนต หรือไม้ที่มาจากแหล่งป่าปลูกเห็นจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ถ้าท่านลองพิจารณาดูสภาพบ้านและจัดให้บ้านอยู่ในภาวะสมดุลแล้ว อีกสิ่งที่ทรงอิทธิพลมาก คือเรื่องสี ที่มีผลต่อความรู้สึกโดยตรง ซึ่งเราสามารถนำเอาหลักการของสีของธาตุต่างๆมาใช้ ได้ ธาตุดิน สีดำ น้ำตาล ธาตุน้ำ สีฟ้า ธาตุ ลม สีขาว ธาตุ ไฟ สีแดง และไม้ เขียว แต่ถ้ามุ่งเน้นการลดความร้อน คงหนีไม่พ้นสีของธาตุน้ำ คือ โทนสีฟ้า ที่จะให้บรรยากาศเย็น และสีของไม้ คือสีเขียว สำหรับท่านที่บ้านมีห้องนั่งเล่น ห้องนอนอยู่ทิศตะวันออกตะวันตก อาจลองเปลี่ยนสีห้องจากสีขาวเป็นสีโทนฟ้า หรือเขียว เพื่อสร้างทั้งสมดุลทางความรู้สึกและธาตุภายในห้อง

รั้วบ้านปลอดมลพิษ

decorating idea design

รั้วบ้านปลอดมลพิษ




รั้ว นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกความเป็นตัวของตัวเองของผู้อยู่อาศัยแล้ว ยังบ่งบอกถึงอาณาเขตของตัวบ้านอีกด้วย แต่อีกหน้าที่หนึ่งของรั้ว คือ คอยปกป้องมลพิษโดยรอบเขตตัวบ้านให้กับผู้อยู่อาศัย ซึ่งมลพิษดังกล่าว อาจมาจากความดังของเสียง มลพิษทางอากาศ นอกจากนี้ รั้วยังช่วยในการปกปิดทัศนวิสัยอันไม่เป็นที่ชวนมองอีกด้วย
 ดังนั้น ในการออกแบบรั้วบ้าน จึงต้องคำนึงถึงความเหมาะสมในการใช้งาน แต่ยังคงความสวยงามไว้เช่นกัน ซึ่งสามารถทำได้หลายรูปแบบ ดังนี้
 
รั้วทึบ
รั้วทึบสามารถปกป้องมลพิษทางสายตาได้เป็นอย่างดี โดยตัวรั้วอาจสร้างมาจากอิฐที่ก่อโชว์จากช่างฝีมืออย่างสวยงาม หรือเป็นกำแพงที่ทำด้วยคอนกรีตบล็อคแบบเรียบ รั้วแบบนี้จะมีความสูงไม่เกิน 1.80 เมตร ไม่เช่นนั้นจะดูเหมือนปิดกั้นจากโลกภายนอกมากเกินไป รั้วประเภทนี้สูงไม่เกิน1.20 เมตร ก็เพียงพอสำหรับการกั้นขอบเขตของเราได้พอเพียงแล้ว
รั้วทึบจะทำหน้าที่ต้านลม จึงทำให้เกิดลมหมุนย้อนกลับ ฉะนั้น ในบริเวณใกล้รั้วจะมีลมค่อนข้างแรง ซึ่งอาจจะเป็นผลให้ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ เกิดความเสียหายจากแรงลมได้
รั้วโปร่ง
รั้วโปร่งสามารถออกแบบตกแต่งได้จากวัสดุหลากหลายชนิด เช่น ไม้ เหล็กดัด อัลลอย หรืออาจจะทำเป็นรั้วทึบในส่วนด้านล่าง เพื่อช่วยในการเพิ่มความคงทนแข็งแรง แล้วด้านบนอาจประดับด้วยไม้เลื้อยต่างๆ เช่น รสสุคนธ์ มะลิวัลย์ สร้อยฟ้า เพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย สบายตาเวลามอง
จะเห็นได้ว่า การเลือกใช้รั้วที่เสริมความเป็นธรรมชาติเข้าไป ช่วยลดทอนปัญหามลพิษของคนเมืองและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีได้อีกทางหนึ่ง

ตกแต่งตึกแถว

decorating idea design

ตกแต่งตึกแถว


ตึกแถว 1 คูหา 2 ชั้นครึ่ง (ชั้นลอย) กว้าง 4.40 ม. ลึก 12 ม. ชั้นล่างทำเป็นออฟฟิศ ชั้นลอยจัดเป็นห้องรับแขกและห้องคาราโอเกะ ส่วนชั้นบนสุดใช้เป็นห้องชุดส่วนตัว ที่เราจัดให้มีบรรยากาศเหมือนอยู่คอนโดฯเลยล่ะค่ะ เรียกว่าเดินขึ้นมาบนชั้นนี้ จะลืมไปเลยว่าข้างล่างเป็นตึกแถว
เราเริ่มจากการแบ่งฟังก์ชันเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นห้องนอน, ห้องนั่งเล่นและเคาน์เตอร์บาร์ ส่วนที่ 2 เป็นห้องเก็บเสื้อผ้า, แต่งตัวและห้องน้ำ แต่คราวนี้เราจะเน้นไปที่ส่วนแรกนะคะ โดยพื้นที่ส่วนแรกซึ่งประกอบด้วยห้องนอน นั่งเล่น และเตรียมอาหาร จะอยู่ส่วนหน้า มีขนาด 4.40 x 6.40 ม. กำหนดส่วนห้องนอนให้อยู่ในช่วงเสาแรก (4.40 x 3.70 ม.)ติดหน้าต่าง ตกแต่งแบบโปร่งตา ดูสบาย เราจึงเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์เป็นสีไม้แอช สลับกับสีขาว เพื่อขับให้ลายวอลล์เปเปอร์ดูเด่นขึ้น
@@ ผนังหัวเตียงด้านบนติดวอล์ลเปเปอร์ลายเก๋ เลือกลายเลือกราคาได้ตามใจ ราคาเฉลี่ยลายคล้ายๆกับในภาพ จะอยู่ที่ตร.ม.ละ 400 บาท ขึ้นไปค่ะ
@@ ด้านล่างผนังกรุด้วยไม้แอช สูง 0.75 ม. ยาว 3.25 ม. ด้วยงบ 9,750 บาท
@@ เตียงไม้แอช ขนาด 6 ฟุต ทำดีไซน์ให้ดูเหมือนกับเตียงลอยออกมาจากผนัง (ซ่อนขาเตียงตรงส่วนปลายด้วยการดันขาเตียงให้ลึกเข้าไปด้านใน ดูเผินๆ จะเหมือนไม่มีขาเตียง) พร้อมที่วางของข้างเตียง ใช้งบ 16,000 บาท
@@ ไซด์บอร์ดทีวีทำเป็นตู้เตี้ยยาว 3.25 ม. ด้านบนเพิ่มชั้นสำหรับวางของหรือจะเป็นชั้นสำหรับโชว์ของก็ได้ค่ะ ใช้งบ 29,250 บาท
@@ ผนังเบากั้นส่วนพร้อมประตูบานเลื่อน 2 บาน ด้วยงบ 25,000 บาท
ส่วนนั่งเล่นและเคาน์เตอร์บาร์ ถูก กั้นด้วยที่นั่งที่นอกจากจะใช้เป็นตัวแบ่งพื้นที่กลายๆแล้ว ยังใช้เป็นที่นั่งอ่านหนังสือเหยียดขาสบายๆได้อีกด้วย ฝั่งตรงข้ามเป็นส่วนเคาน์เตอร์บาร์ ใช้เตรียมอาหาร อุ่นอาหาร ที่นั่งทานอาหารเผื่อแผ่ไปถึงเพื่อนสนิทที่อาจจะมาเยี่ยมเยือนเป็นบางครั้ง
@@ ที่นั่งข้างเตียงพร้อมกรอบไม้แบ่งห้องนอน+ห้องนั่งเล่น ด้วยงบ 25,000 บาท
@@ ชั้นหนังสือบิลท์-อิน สีขาว ขนาด 1.8 ม. ด้านในช่องใช้สีสันไล่โทนให้ดูน่าสนใจ ราคา 32,400 บาท
ส่วนเคาน์เตอร์บาร์ที่ ใช้สีขาวเป็นสีหลัก สร้างบรรยากาศให้เหมือนกับอยู่ในร้านอาหาร เท่ๆ แทนบรรยากาศของตึกแถวแบบเดิม ด้วยการเล่นแสงของไฟดาวไลท์ที่ซ่อนในฝ้าไม้ หรือจะเลือกเปิดจากโคมห้อยบนเพดานก็น่าสนใจเหมือนกัน
@@ เคาน์เตอร์บาร์ขนาด 2.20 ม. ราคา 25,000 บาท
@@ สร้างความโดดเด่นด้วยผนังโมเสกสลับสีไล่โทนขาว เบรกด้วยชั้นวางของสีขาว
@@ เพดานห้องทำ drop ฝ้าขึ้นไปและใช้คานไม้วางเป็นแนว ห่างกันช่วงละ 20 ซม. ซ่อนไฟดาวไลท์ลงไปในช่วงคาน ด้วยงบ 20,000 บาท
พื้นเดิมของตึกแถวมักจะเป็นกระเบื้องเซรามิก ขนาด 12 x 12 นิ้ว หรือไม่ก็เป็นพื้นซีเมนต์ฉาบเรียบ เราเปลี่ยนแปลงด้วยการเลือกใช้พื้นไม้ลามิเนตปูทับพื้นกระเบื้องเดิม ใช้เวลาน้อยกว่าการทุบและปูกระเบื้องใหม่มาก และที่สำคัญยังทำให้ห้องนี้ดูอบอุ่นขึ้นจากเดิมมากทีเดียวค่ะ ส่วนเรื่องของราคา มีตั้งแต่ตร.ม.ละ 500 บาทขึ้นไป จนถึงพันกว่าบาท แล้วแต่เลือกค่ะ ที่สำคัญควรเลือกบริษัทที่ดูน่าเชื่อถือ
@@ เคาน์เตอร์ครัว + ชั้นลอย + แผงไม้สีขาวหลังตู้เย็น รวมเงิน 32,000 บาท
@@ พื้นไม้ลามิเนต ตร.ม.ละ 650 บาท ทั้งหมด 29 ตร.ม. รวมเงิน 18,850 บาท
ส่วนเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว เช่น โซฟา โต๊ะกลาง ,พรมเช็ดเท้า ,โคมไฟ เจ้าของห้องสามารถเลือกแบบได้ตามใจชอบค่ะ เพราะ สีหลักของห้องและเฟอร์นิเจอร์เป็นสีกลางๆ สามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างสบายใจค่ะ สำหรับราคา ค่างานแต่ละส่วนเป็นการกำหนดอย่างคร่าวๆนะคะ บางบริษัทอาจจะแพงหรือถูกกว่านี้ได้ และคุณภาพของวัสดุก็ทำให้ราคาของงานแตกต่างกันได้ค่ะ เช่น ถ้าเลือกโครงไม้สัก ราคาก็จะดีดตัวขึ้นไปอีกประมาณ 20-30% ก็แล้วแต่ความชอบส่วนตัวของแต่ละคนด้วยค่ะ

ไอเดีย แต่งบ้าน ในแบบมีพื้นที่จำกัด

decorating idea design

ไอเดีย แต่งบ้าน ในแบบมีพื้นที่จำกัด



1. บันไดวนเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยประหยัดพื้นที่ของบันไดแบบเดิมได้ โดยสามารถเพิ่ม ชั้นวางหนังสือ ชั้นวางของ หรือที่เก็บของติดผนังจากพื้นจรดเพดานหลังบันได โดยไม่ต้องกังวลว่าจะหยิบของไม่ถึงด้วย และเพื่อไม่ให้ดูอึดอัด ควรเน้นพื้นที่รอบๆ ให้เป็นสีขาว เพื่อให้ดูสบายตา
2. ถ้าบ้านเล็กอยู่แล้ว ก็ไม่ควรสร้างบันไดใหญ่ ลองทำบันไดให้เล็กลงเพราะเป็นทางเดินที่ไม่ได้ใช้ตลอดวัน แต่ทาด้วยสีขาวเพื่อช่วยลดความรู้สึกคับแคบ เท่านี้ก็สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ให้เป็นมุมพักผ่อนส่วนอื่นแทน
3. เตียงนอน แบบ 2 ชั้นช่วยเพิ่มฟังก์ชันให้ เฟอร์นิเจอร์ มากกว่าหนึ่งอย่าง คือนอกจากจะมีด้านบนเป็นเตียงนอนได้อย่างสนุกและสบายแล้ว ชั้นล่างยังทำเป็น โต๊ะทำงาน หรือถ้าจะเปลี่ยนให้เป็น โซฟา นั่งเล่นก็ยังได้
4. การออกแบบ เตียงนอน ให้เป็นกึ่ง" เดย์เบด "หรือ" โซฟา "ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนหน้าที่จาก เตียงนอน ในช่วงเวลาส่วนตัวตอนกลางคืน เป็นโซฟารับแขกหรือมุมนั่งเล่นอ่านหนังสือได้ในช่วงกลางวัน ขณะที่บิลท์อินปลายเตียงต่อเติมให้เป็นโต๊ะทำงานแบบกะทัดรัดได้
5. สำหรับห้องชุดขนาดจำกัด มักจะมีส่วนของแพนทรีและครัวอยู่หน้าบ้าน เพื่อใช้ประโยชน์จากมุมจำกัดให้สูงสุด ก็ควรจะติดตู้และชั้นเก็บของให้เต็มเพดาน รวมถึงชั้นวางไมโครเวฟและช่องสำหรับเครื่องดูดอากาศด้วย และอีกเช่นกันที่สีขาวช่วยให้มุมนี้ไม่รกตาเกินไป
6.สีขาวเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับมุมเล็กๆ ในบ้าน เมื่อผสมกับการเพิ่มฟังก์ชัน อย่าง" โต๊ะอาหาร "ที่สามารถปรับเป็นเคาน์เตอร์เตรียมอาหารในครัวได้ คุณก็สามารถรวมพื้นที่ของครัวและห้องอาหารไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน
7. ถ้าเป็นห้องที่มีเพดานสูง คุณสามารถเติมชั้นลอยสำหรับเก็บของหรือนอนเล่นได้ โดยทำบันไดเสริมเป็นทางขึ้น ส่วนพื้นที่ใต้บันได ก็ยังสามารถเป็นห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า และชั้นเก็บของได้อีก

วิธีง่ายๆ เติมบ้านให้มีเสน่ห์

decorating idea design

วิธีง่ายๆ เติมบ้านให้มีเสน่ห์


ไอเดียง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำเองได้ เมื่อนึกอยากจะปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ภายในบ้านให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น
มูลี่หรือฉาก เป็นการแบ่งพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านให้เป็นสัดส่วนแบบไม่ยุ่งยาก แถมยังมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับการต่อเติมหรือกั้นห้อง อีกทั้งยังช่วยซ่อนความรกของชั้นวางของและทำให้ห้องดูเรียบร้อยมากขึ้นอีกด้วย
 
ลองเปลี่ยนโคมไฟใหม่ เพราะแสงส่งผลต่อพื้นที่มากกว่าสิ่งอื่นใด และยังช่วยเปลี่ยนอารมณ์ของห้องได้อีกด้วย ดังนั้น การเปลี่ยนโคมไฟและหลอดไฟให้เหมาะกับห้องก็ช่วยสร้างบรรยากาศที่แตกต่างออกไป เช่น การติดโคมไฟแชนเดอเลียร์เหนือโต๊ะรับประทานอาหารเพียงอันเดียวก็ทำให้ห้องดูสวยงามมีสไตล์ขึ้น
จัดมุมเล็กๆ ของตัวเอง อาจเริ่มจากห้องนอนของตัวเองก่อน เพราะห้องนอนเป็นห้องที่แต่ละคนใช้งานมากกว่า 8 ชั่วโมงในแต่ละวัน ดังนั้น ถ้าห้องนอนของเราน่าอยู่ ก็จะมีแรงบันดาลใจในการตกแต่งห้องส่วนอื่นๆ ของบ้านต่อไป
ติดผ้าม่าน การติดผ้าม่านเป็นวิธีช่วยกรองแสงแดดให้เข้าสู่ตัวบ้านได้อย่างเหมาะสม และการติดผ้ากรุซับในด้านหลังม่านจะช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวให้ห้องนั้นๆ เทคนิคง่ายๆ อีกอย่างคือ ติดผ้าม่านชนิดทิ้งชายเป็นแนวยาวจากเพดานจรดพื้น จะช่วยพรางตาให้ห้องที่มีเพดานเตี้ยดูสูงขึ้น
ลองปรับเพียงเท่านี้ บ้านของคุณก็จะกลับมามีเสน่ห์ ชวนให้อยากพักผ่อนในแบบสบาย

แต่งบ้านให้สวยด้วย ผ้าม่าน

decorating idea designบ้านแต่ละหลังในโครงการค่อนข้างน้อย การสร้างบ้านจะอยู่ในลักษณะชิดติดกัน ล้อมรั้วด้วยรั้วลักษณะโปร่ง ๆ ซึ่งบางครั้งทำให้ความเป็นส่วนตัว ของบ้านแต่ละหลังมักจะถูกรบกวนทางสายตาจากเพื่อนบ้านได้ ดังนั้นความจำเป็นและความสำคัญของม่านจึงเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นในในการตกแต่งบ้านปัจจุบันม่านได้รับการพัฒนาออกแบบให้มีความเหมาะสมและสวยงามเหมาะกับรูปแบบบ้านแต่ละหลังแต่ละสไตล์ ประโยชน์ใช้สอยของม่านนอกจากเพื่อความสวยงามแล้ว ยังสามารถช่วยกรองแสงสว่างจากธรรมชาติที่สาดส่องเข้ามาในห้องอันเป็นการช่วยลดความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวบ้านและนอกจากนี้ยังช่วยบทบังทัศนียภาพที่ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ
ผ้าม่านมีอยู่หลายแบบหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้กันมีอยู่ 2 แบบ คือ 1. แบบเคอร์เท่น ( CURTAIN ) คือการนำผ้าผืนใหญ่มาทบเป็นจีบร้อยเข้ากับห่วงกลม แล้วแขวนกับราวม่าน ใช้งานโดยการรูดปิด - เปิด สามารถเลือกลวดลายสีสันและชนิดของผ้าได้ไม่จำกัด
2. แบบไบล์น ( BLINDS ) คือม่านมีลักษณะแบบบังตา ทดมาเป็นชั้น ๆ ใช้งานโดยการชักขึ้น – ลง เช่น ม่านแบบโรมันไบล์น เป็นต้น นอกจากนี้ในปัจจุบันมีม่านอีกหลากหลายประเภทคือ ม่านปรับแสงมีลักษณะเป็นแผ่นม่านยาวนำมาเรียงต่อกัน มีทั้งแบบแนวตั้งและแนวนอน สามารถเปิดปิดและปรับองศาใบม่านเพื่อเปลี่ยนปริมาณการรับแสงได้สำหรับวัสดุที่ใช้ทำใบม่านอาจะทำจากผ้า,พลาสติก หรือแผ่นโลหะนอกจากนี้ยังมี มู่ลี่ ที่ทำจากไม้ไผ่ หวาย หรือผ้า แม้จะมีม่านในหลาย ๆ ลักษณะทั้งแบบผ้าและวัตถุอื่น ๆ แต่นักตกแต่งบ้านส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกม่านที่ทำจากผ้าเพราะนอกจากมีราคาย่อมเยาแล้วยังให้ความนุ่มนวลอ่อนโยนอีกด้วย

ข้อแนะนำในการเลือกผ้ามาทำเป็นม่านและเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับม่านมีดังนี้
- ควรเลือกใช้เนื้อผ้าที่มีคุณภาพดี เพื่อความคงทนต่อการรับแสงแดดในระยะยาวและควรเลือกผ้าม่านเนื้อหนาซึ่งจะมีความทนทานกว่าผ้าเนื้อบาง
- เส้นใยจำพวกโพลีเอสเตอร์และอะครีลิค ทนแดดได้ดีกว่า ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าลินินและไนลอน
- การใช้ผ้าม่านสองชั้นและผ้าม่านที่มีซับใน จะช่วยลดปัญหาผ้าสีจืดจางเพราะรังสียูวี ( uv ) ของแดดลงได้
- ควรซักผ้าม่านเพียงปีละครั้ง และใช้วิธีดูดฝุ่นสัปดาห์ละครั้งเป็นการทำความสะอาดแทน

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

แต่งบ้านให้สวย

Chadban-บล็อกของคนรักการจัดแต่งบ้านสวยและน่าอยู่

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

จัดบ้านดี…ชีวิตรุ่งเรือง


1. ควรตั้งกระถางต้นไม้ที่มุมต่าง ๆ ของบ้าน แต่งห้องรับแขกด้วยอ่างน้ำพุหรือตู้ปลา

2. อย่าให้บ้านแล้งหรือขาดน้ำและต้นไม้ ซึ่งเป็นพลังแห่งชีวิต บ้านที่ไม่มีความเขียวสดของต้นไม้มักเป็นบ้านที่ขาดโชคลาภ

3. เปิดไฟในบ้านให้สว่างไสวเสมอ บ้านที่มืดมิดอยู่เสมอเป็นบ้านโชคร้าย

4. ติดกระดิ่ง ลมที่หน้าต่าง กระดิ่งลมถือเป็นของประดับที่เสริมโชคลาภ

5. แขวนลูกแก้วคริสตับไว้ที่ขอบประตูหรือตั้งไว้บนโต๊ะ เพื่อกระจายพลังที่ดีให้ไหลเวียนทั่วบ้าน ปัดเป่าพลังที่ชั่วร้าย ดึงดูดโชคดีและนำความราบรื่นเรียบร้อยมาให้

6. จัดผัก ผลไม้สีส้มหรือเหลืองไว้ในครัว หรือหาดอกไม้เหลืองปักแจกันตั้งไว้ในครัวเพื่อกระตุ้นพลังแห่งทรัพย์สินและ ความอุดมสมบูรณ์ ใช้สีเหลืองและเขียวในครัวอย่างพอเหมาะจึงจะโชคดี อย่าใช้มากเกินไป

7. ต้นไม้ที่ออกดอกสีขาวช่วยเสริมมงคลให้บ้านได้ แต่อย่ามากไปจนเต็มบ้านเพราะจะนำมาซึ่งความสูญเสียและความโศกเศร้า

8. หมั่นตรวจดูแหล่งน้ำในบ้านเสมอ นำใสจะเรียกเงินทองโชคลาภเข้าบ้าน น้ำที่ขุ่นและเหม็นจะทำลายพลังชีวิต ทำให้เจ็บป่วยง่ายและตัดโชคลาภ

9. ” น้ำ ร้องเพลง” คือแหล่งน้ำที่ไหลเบา ๆ ส่งเสียงเพราะกล่อมบ้าน แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งความเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล น้ำเช่นนี้จะดึงดูดความมั่งคั่งร่ำรวยเข้าบ้าน การจัดแต่งบ้านให้มีแหล่งน้ำร้องเพลงสามารถทำได้โดยตั้วอ่างน้ำพุเล็ก ๆ หรือโอ่งน้ำล้นที่มุมหนึ่งมุมใดของบ้าน

10. ” น้ำ คำราม” คือแหล่งน้ำที่สร้าง เสียงดังเกินไป นอกจากจะไม่น่าฟังแล้วยังหนวกหูด้วย หากอยู่ในบ้านหรือใกล้บ้านจะทำลายโชคลาภทำให้เสียเงินเสียทองและนำทุกข็ภัย มาสู่

11. ปลาทอง 9 ตัวจะนำมาซึ่งความ มั่งคั่งร่ำรวย ควรเลี้ยงปลาทอง 9 ตัวในตู้ปลา ถ้าปลาตายต้องรีบหาปลามาเพื่อมอย่าให้มีจำนวนปลาลดลง อาจเลี้ยงปลาทอง 8 ตัว แล้วเลี้ยงปลาทองตัวสีดำ อีก 1 ตัว ก็ดี ปลาทองสีดำ จะขับไล่สิ่งอับโชคและความชั่วร้าย

12. สีเขียวแก่และสีเทาดำ เป็นสีหลักที่ควรเลือกใช้ในห้องทำงานหรือมุมทำงาน ของผู้เป็นเจ้าของบ้าน เพื่อเสริมส่งด้านลาภยศและอำนาจบารมี

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

10 Things ของตกแต่ง (สามัญ) ประจำบ้าน


เพราะเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งมีให้เลือกเยอะแยะไปหมด แต่แบบไหนล่ะ ที่สวยน่าใช้และเหมาะจะนำมาแต่งบ้านของเรา ลองดูของ 10 ชิ้นสามัญที่เราจะแนะนำว่าน่ามีติดบ้านไว้ เพื่อสร้างบรรยากาศดีๆให้คุณอยากอยู่บ้านทุกวัน

1. โซฟาเบสิก
โซฟา ขาลอยแบบมาตรฐานนี่แหละเวิร์คสุดๆ ใช้ได้ทั้งรับแขกและนั่งเล่น ขาลอยช่วยให้ตัวโซฟาดูโปร่งเบาไม่อึดอัด ทั้งยังทำความสะอาดพื้นได้ง่าย ลองเลือกขนาดที่นั่งให้เหมาะกับขนาดของพื้นที่ ส่วนวัสดุบุนั้นถ้าเลือกใช้ผ้าก็ให้ความรู้อ่อนนุ่มดี แต่อาจดูแลรักษายากหน่อย หากเลือกหนังก็ให้อารมณ์หรูหราขึ้น แถมดูแลง่ายและไม่เก็บฝุ่น แต่อาจมีราคาแพงกว่าผ้า

2. ตู้ลอย (เตี้ย)
บ้าน ใครที่มีข้าวของเยอะๆควรมองหาตู้ดีไซน์เรียบเกลี้ยง เน้นให้มีบานตู้หรือเป็นลิ้นชักเข้าไว้ เพื่อป้องกันฝุ่นและบดบังความรกตาจากของที่เก็บอยู่ภายในตู้ นอกจากนี้อาจใช้เป็นที่วางทีวี หรือวางกั้นพื้นที่เพื่อสร้างความเป็นสัดส่วนด้วยก็ได้ โดยความสูงของตู้ควรต่ำกว่า 90 เซนติเมตร จะได้โล่งตา ไม่เกะกะพื้นที่

3. โต๊ะกินข้าวอเนกประสงค์
เชื่อ ไหมว่าโต๊ะกินข้าวลายไม้สีธรรมชาติสไตล์เซนสักตัวสามารถใช้ประโยชน์ได้หลาก หลาย ด้วยดีไซน์แบบเรียบๆนี้สามารถเข้ากันได้ดีกับเก้าอี้หลากหลายรูปแบบ หากมีงานปาร์ตี้ก็นำไปใช้งานกับพื้นที่กึ่งเอ๊าต์ดอร์ได้ รวมถึงประยุกต์ใช้กับกิจกรรมอื่น เช่น เป็นพื้นที่ทำงานจำเป็น หรือรับแขกคนสนิทก็ยังได้

4.โคมไฟเฉพาะจุด
แสงสว่างที่เน้นเฉพาะจุดของโคมไฟแขวนเพดาน หรือโคมไฟตั้งโต๊ะตั้งพื้น ช่วยทำให้มุมหลบมุมมืดดูสว่างขึ้นได้ง่ายๆ ไม่ต้องเสียเวลาเดินระบบสายไฟใหม่ให้ยุ่งยาก ที่สำคัญเป็นการเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นน่าสบายภายในบ้านด้วย อย่างการเลือกใช้ แชนเดอเลียร์ในบางจุดของบ้าน ก็ช่วยให้มุมธรรมดาๆกลายเป็นมุมสวยๆไว้รับแขกได้สบาย

5. เก้าอี้ตัวเบา
ไม่ ว่าจะนั่งรับประทานอาหาร นั่งรอ นั่งเล่น หรือนั่งพักผ่อน เราจำเป็นต้องหาเก้าอี้นั่งสบายๆมาไว้ตามมุมต่างๆ ยิ่งถ้าน้ำหนักเบาดีไซน์สวยด้วยแล้ว จะวางแยกหรือจัดแบบยกชุดวางเข้าคู่กับโต๊ะกินข้าวอเนกประสงค์ก็ได้ วันไหนเพื่อนมาปาร์ตี้เป็นหมู่คณะก็ใช้รับรองได้สบาย ถ้าเบื่อจะวางชิดผนังจับคู่กับโต๊ะข้างตัวเล็ก ก็กลายเป็นมุมน่านั่งเพิ่มอีกมุมในบ้าน

6. กรอบรูป
ควร มีกรอบรูปสวยๆติดบ้านไว้บ้าง จะใส่ภาพเก่า ภาพใหม่ ภาพเล็ก ภาพใหญ่ได้ตามใจชอบ โดยเลือกความหนาและสไตล์ของกรอบเฟรมให้เข้ากับภาพ จะนำไปติดบนผนังจัดเรียงให้สวย หรือวางบนโต๊ะข้าง หลังตู้ ก็ช่วยตกแต่งมุมเล็กๆของบ้านให้ดูมีเรื่องราว มีชีวิตชีวามากขึ้น หรือหากยังไม่มีภาพสวยถูกใจ ก็อาจวางกรอบรูปเปล่าๆที่มีลวดลายสวยๆพิงผนังไว้เฉยๆ แค่นี้ก็ได้ของตกแต่งบ้านเก๋ๆแล้วละ

7.กระจกเงา
กระจก เงาพร้อมกรอบสวยๆช่วยแต่งบ้านให้ดูดีมีสไตล์ได้ ยิ่งกับบ้านที่มีขนาดกะทัดรัด หากนำไปตกแต่งผนังในมุมอับ ก็จะช่วยให้บ้านดูกว้างและสว่างตาขึ้น หรือจะนำกระจกเงาแบบเรียบมาแต่งผนังโดยจัดเรียงให้ดูแปลกตา ก็เป็นการสร้างความน่าสนใจได้ดี

8.ผ้าม่าน - มู่ลี่
สำหรับ บ้านที่มีหน้าต่างหรือช่องแสงตรงกับระดับสายตาของคนข้างนอกโดยตรง ผ้าม่านและมู่ลี่เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว ทั้งยังกรองแสงที่เข้าสู่บ้านได้ด้วย ลองเลือกผ้าเบาบางมาซ้อนเป็นชั้นด้านใน จะช่วยให้บ้านดูสบายตาขึ้น ส่วนมู่ลี่ไม่ควรใช้เยอะจนเกินไป เพราะจะทำให้บ้านดูเหมือนออฟฟิศ

9. พรม
พรม เป็นของตกแต่งที่ไม่ได้มีแค่ความสวยงามพร่ำเพรื่อ แต่ยังทำให้เกิดบรรยากาศที่ดูอบอุ่นและสร้างความปลอดภัยให้ผู้ใช้งาน โดยเฉพาะในบริเวณที่พื้นมีความลื่นหรือขัดเงา เช่น ทางเดินเข้าบ้าน ส่วนนั่งเล่น สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้อาจเลือกใช้พรมที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ หรือที่เราเรียกว่า "เสื่อ" แทน ปัจจุบันมีสีสันและลวดลายให้เลือกมากมาย ข้อดีคือน้ำหนักเบา สามารถใช้ปูรองนั่งตรงไหนในบ้านก็ได้ เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศแบบง่ายๆ

10. อาร์มแชร์
เก้าอี้ มีเท้าแขนดีไซน์สวยๆสักตัวช่วยให้บ้านดูอบอุ่นน่าพักผ่อนขึ้น เหมาะอย่างยิ่งกับมุมสบายๆในบ้าน จะใช้นั่งเอนกายหรือนั่งอ่านหนังสือทั้งวันก็ทำได้ หรืออยากใช้เป็นที่งีบหลับก็แค่หาที่รองขาขนาดพอดีๆ หากที่บ้านมีพื้นที่กว้างอาจจัดวางเข้าชุดกับโซฟารับแขกเลยก็ได้

วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ไอเดียแต่งบ้านราคาประหยัด



ในยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ดอย่างทุกวันนี้ ค่าน้ำมันก็แพงขึ้นทุกวัน ทำให้ข้าวของอย่างอื่นแพงตามไปด้วย อยากจะหนีความวุ่นวายภายนอกมาพักผ่อนอยู่กับบ้าน แต่ตามประสาคนรักบ้าน อยู่บ้านก็ต้องอยากแต่งบ้านเป็น ธรรมดา ผมได้รวบรวมไอเดียในการแต่งบ้านแบบประหยัด ที่จะช่วย ทำให้บ้านยังคงเป็นสถานที่พิเศษที่พร้อมจะรองรับคุณในทุกสภาวะเศรษฐกิจครับ..

ประหยัดด้วยไอเดีย

1. เปลี่ยนสีบนผนัง การทาสีผนังบ้านใหม่ นับเป็นวิธีแต่งบ้านที่ง่าย ประหยัดและได้ผลดีที่สุดทางหนึ่ง ลงทุนแค่สีน้ำพลาสติกสีสวยๆ กับแปรงทาสีอีกสักอันมาจัดการเปลี่ยนผนังเก่า สีหมองในบ้านให้ดูสวยสดใสขึ้น เท่านี้ก็สามารถสร้างบรรยากาศแปลกใหม่ในบ้านได้ด้วยราคาแบบสบายกระเป๋า

2. เก็บสายไฟในท่อ การ เดินสายไฟแบบฝังในผนังดูเรียบร้อยก็จริง แต่จะซ่อมแซมหรือเดินเพิ่มทั้งทีก็ต้องทุบผนัง เสียสตางค์และเสียเวลา ลองเปลี่ยนมาเดินลอยบนผนัง โดยร้อยใส่ท่อเหล็กแล้วอาจทาสีทับให้ดูเรียบร้อย ช่วยประหยัดงบประมาณในการดูแลรักษาและซ่อมแซม

3. ปรับแสงปรับอารมณ์ เปลี่ยนสีของหลอดฟลูออเรสเซนต์ทั่ว ๆ ไป โดยนำมาหุ้มด้วยปลอกพลาสติกหลากสีราคาเพียงปลอกละ 10 บาท ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป

4. เปลี่ยนโครงสร้างบ้านเป็นเฟอร์นิเจอร์ ใช้ประโยชน์จากส่วนโครงสร้างของบ้าน เช่น ช่องว่างระหว่างเสา โดยติดแผ่นไม้ทำเป็นชั้นวางของ ติดประตูบานเลื่อนเพื่อกันฝุ่น หรือติดม่านกั้นแทนบานตู้ เท่ากับว่าเราประหยัดงบประมาณเงินค่าทำเฟอร์นิเจอร์ทั้ง ด้านหลังและด้านข้าง นอกจากนี้อาจก่อปูนสูงสัก 40 เซนติเมตร หรือติดแผ่นไม้วางเบาะเพื่อทำเป็นม้านั่งก็ได้ ช่วยประหยัดงบประมาณในการทำเฟอร์นิเจอร์ไปได้เยอะปรับเปลี่ยนได้

5. หนึ่งชิ้นหลายหน้าที่ เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เปลี่ยนหน้าที่การใช้งานได้อย่าง เช่น โซฟาเบดที่สามารถใช้นั่งหรือปรับเป็นเตียงนอนได้

6. ยืดได้หดได้ เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบที่สามารถปรับเปลี่ยนขนาด ย่อขนาด ยืดหด วางต่อหรือซ้อนชั้นกันได้ เพื่อรองรับการใช้งานในหลากหลายรูปแบบตามความต้องการ ช่วยให้คุณประหยัดได้ทั้งงบประมาณและพื้นที่ใช้สอย

7. เคลื่อนที่ได้ สำหรับ เฟอร์นิเจอร์ชิ้นที่ไม่ได้ใช้งานตลอดเวลา การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก อย่างโต๊ะที่มีล้อเลื่อน จะช่วยให้เราสลับตำแหน่ง และการใช้งานได้ง่ายขึ้น เช่น โต๊ะรับประทานอาหารขนาดเล็ก เลื่อนไปใช้งานในครัว เมื่อต้องทำอาหารมื้อใหญ่ วิธีนี้ช่วยประหยัดไปได้ตั้งครึ่ง

แต่งบ้านอย่างมีแผน


8. วางแผนก่อนเพื่อเห็นภาพรวม เหมือน มืออาชีพที่ต้องเขียนแบบแปลน ก่อนจะเริ่มตกแต่งคุณเองควรเขียนแบบแปลนหรือแผนการ
ตกแต่งทั้งหมด เพื่อช่วยให้เห็นภาพรวมและรู้ว่าควรทำอะไรก่อนหลัง เช่น ควรทาสีผนังให้เรียบร้อยก่อนเก็บงานที่พื้น เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดจนต้องทำงานช้ำซ้อน ซึ่งส่งผลต่อสตางค์ในกระเป๋าของคุณอย่างแน่นอน

9. แต่งบ้านทีละระยะ การแต่งบ้านให้เสร็จลุล่วงในคราวเดียวเป็นเรื่องที่ดี แต่อาจทำให้กระเป๋าฉีกได้ ลองแบ่งงานตกแต่งบ้านทั้งหมด (ตามแผนที่คุณวางไว้) ออกเป็นช่วง ๆ โดยให้ระยะแรกเป็นส่วนที่จำเป็นที่สุดก่อน แล้วดำเนินการทีละขึ้นตอน เมื่อระยะแรกจบอาจทั้งช่วงเก็บสตางค์สักพัก จากนั้นจึงเริ่มช่วงต่อไป กว่าจะเสร็จอาจใช้เวลาสักหน่อย แต่เพื่อไม่ให้คุณต้องรับภาระหนักเกินไป และยังเป็นการให้เวลาตัวคุณ สรรหาของที่ถูกใจจริง ๆ อีกด้วย พอทำไปได้สักระยะก็ลองแต่งห้องอื่นๆไปด้วย เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ

10. ซื้อช่วงลดราคาถูกกว่าเยอะ ร้านขายของแต่งบ้านเกือบทุกร้านจะมีช่วงลดกระหน่ำประจำปี โดยเฉพาะร้านใหญ่ ๆ อย่าง Modernform Index Habitat ซึ่งหากเราอดใจรอซื้อในช่วงลดราคาก็จะได้ของดีที่ราคาถูกกว่ามาก โดยเฉพาะของชิ้นใหญ่ ใช้งบประมาณเยอะอย่าง ที่นอน โซฟา เตียง หรือตู้เสื้อผ้า รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ด้วย

แต่คุณอาจต้องจดบันทึกสักหน่อยว่าร้านที่คุณไปเล็ง ๆ ของไว้นั้น เขาลดราคากันช่วงไหน เดือนไหนของปี บางทีลดปีละ 2 หน เพื่อปีถัดไปคุณจะได้วางแผนการช็อป (เตรียมเก็บเงิน) ได้พอดี และต้องตาดีพอจะเลือกของ คนละเวลาคนละสถานที่แล้วนำมาเข้าชุดกันได้

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เคล็ด(ไม่)ลับ...กับการดูแลรักษาเฟอร์นิเจอร์ตัวโปรด


ทุกบ้านคงมีเฟอร์นิเจอร์ประกอบในการตกแต่งบ้าน และใช้สอย โดยก็อาจเลือกใช้ในหลายประเภทแตกต่างกันไปนะครับ..
การดูแลเฟอร์นิเจอร์ให้เหมือนใหม่ตลอดเวลานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแต่ละชิ้นก็มีลักษณะพื้นผิวแตกต่างกันไปตามวัสดุที่ใช้ทำ ดังนั้นการดูแลรักษาเฟอร์นิเจอร์ให้ดูดีอยู่เสมอและอยู่กับเรานานๆ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม โดยมีเคล็ด(ไม่)ลับง่ายๆ ดังนี้

1.เฟอร์นิเจอร์หนัง

โดยปกติเฟอร์นิเจอร์หนังไม่ต้องดูแลมากนัก เพราะมีอายุการใช้งานยาวนานพอสมควร เพียงใช้ผ้าหมาดน้ำเช็ดถูให้ทั่วพื้นผิวที่ใช้งานเพื่อขจัดคราบสกปรกต่างๆ อาทิ การหมักหมมของเหงื่อที่พนักพิงหลัง ที่เท้าแขน หากยังมีรอยเปื้อนติดอยู่ให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำสบู่หรือแชมพูอ่อนๆถูเบาๆ จนคราบสกปรกหลุดออก แต่ไม่ควรใช้น้ำมันก๊าดเพราะจะทำให้หนังเสียหายได้ จากนั้นลงน้ำยาหรือสเปรย์เคลือบผิว เพื่อช่วยป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆ

2.เฟอร์นิเจอร์บุผ้า

ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ทำจากวัสดุธรรมชาติ ผู้ใช้จะรู้สึกได้ถึงความสบาย เพราะสัมผัสแล้วไม่ร้อน แต่ปัญหาที่พบบ่อยก็คือ ความสกปรกที่เกิดจากฝุ่นละอองและความชื้นภายในห้อง วิธีดูแลรักษาที่ง่ายที่สุดก็คือ ให้นำไม้ขนไก่หรือเครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ฝุ่นสะสมจนเกิดคราบสกปรกติดที่ผ้าบุ หากมีน้ำหกใส่ให้รีบนำผ้าสะอาดมาซับน้ำตรงรอยเปื้อนออกให้หมด แล้วใช้ดรายร์เป่าผมเป่าให้เนื้อผ้าแห้งเร็วขึ้น โดยใช้ความร้อนต่ำๆ

สำหรับผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงในบ้าน แน่นอนว่าต้องมีขนสัตว์ร่วงติดอยู่บนเบาะ การหยิบหรือปัดธรรมดาคงเอาออกไม่หมด เพื่อความสะดวกขอแนะนำให้ใช้ลูกกลิ้งกำจัดฝุ่นซึ่งมีกาวในตัว โดยนำไปกลิ้งบริเวณที่นั่งหรือพนักพิงที่มีขนสัตว์ติดอยู่ และในส่วนที่เข้าไปไม่ถึง เช่น ตามซอกหรือตะเข็บ เราอาจใช้เทปกาวพันรอบนิ้วมือหรือพันรอบตะเกียบ แล้วนำไปแตะๆ เพื่อเก็บรายละเอียดก็ได้ครับ

3.เฟอร์นิเจอร์ไม้

จุดเด่นของเฟอร์นิเจอร์ชนิดนี้คือ มีความสวยงามตามธรรมชาติของเนื้อไม้ แต่เมื่อถูกน้ำหรือความชื้นจะโป่งพองได้ง่าย และป้องกันไม่ให้เกิดรอยขีดข่วนต่างๆได้ยาก ทั้งที่เกิดขึ้นจากการใช้งานปกติและรอยข่วนจากสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน การบำรุงรักษาก็คล้ายๆกับเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป เพียงใช้ผ้าหมาดน้ำเช็ดถูให้ทั่วบริเวณที่ใช้งานเป็นประจำ อาทิ ที่นั่งและพนักพิง หรือใช้ผ้าชุบน้ำมันชักเงาถูรอยขีดข่วน ซึ่งรอยเหล่านั้นก็จะค่อยๆจางไป จากนั้นใช้น้ำยาหรือสเปรย์บำรุงรักษาเฟอร์นิเจอร์มาเคลือบเพื่อป้องกันฝุ่นละอองและน้ำซึมลงในเนื้อไม้ โดยฉีดไปยังพื้นผิวที่ต้องการ แล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ดตามอีกครั้ง เพื่อให้เฟอร์นิเจอร์สวยงามอยู่เสมอ

- TIP -

เฟอร์นิเจอร์ประเภทหนัง(ทั้งหนังแท้และหนังเทียม)ไม่ควรปล่อยให้ถูกแสงแดดโดยตรง เพราะจะทำให้ผิวของหนังแห้งกรอบเสียหายได้ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาที่ไม่ระบุว่าใช้สำหรับหนังประเภทใด เพราะอาจทำให้หนังแข็งกระด้างได้ครับ..

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

เลือกซื้อบ้านหน้าฝน เคล็ดลับที่ถูกมองข้าม



ฤดูิฝนใกล้เข้ามาแล้ว แต่แปลกที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยชอบซื้อบ้านในฤดูฝน อาจเป็นเพราะความไม่สะดวกในการเดินทาง ทำให้หน้าฝนกลายเป็นโลว์ซีซันของการขายบ้านกันไปโดยปริยาย แต่ในความเป็นจริงเราต้องอยู่บ้านในฤดูฝนยาวนานถึง 5-6 เดือน ถ้าบ้านหรือโครงการไม่พร้อมรับมือ ฝนนี่แหละจะสร้างปัญหาในการอยู่อาศัยได้มากที่สุด แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าบ้านเราพร้อมรับกับฤดูฝนได้เป็นอย่างดี บททดสอบจากฟ้าฝนจึงเป็นหนึ่งในข้อพิจารณาในการเลือกซื้อบ้านที่ใครหลายๆคนมองข้ามไป

เริ่มจากภายนอกโครงการ เมื่อมีฝนและน้ำท่วมจะทำให้เราได้รับรู้ว่าทำเล ที่เราเลือกจะไปอยู่นั้นสูงต่ำมากน้อยแค่ไหน พอที่จะรับกับสภาพปัญหาน้ำท่วมได้หรือไม่ ฝนตกน้ำท่วมขนาดนี้ดูด้วยตาก็รู้ว่าควรอยู่หรือไม่ควรอยู่อาศัยในทำเลนั้น นอกจากนี้ยังสามารถสำรวจพื้นที่ตั้งโครงการได้ว่า เจ้าของโครงการจัดการกับปัญหาน้ำท่วมมากน้อยขนาดไหน ตั้งแต่เรื่องการถมดินเพื่อพัฒนาโครงการสูงพอหรือไม่ ไปจนถึงการวางระบบระบายน้ำในโครงการดีพอ กับการรับมือเมื่อน้ำท่วมหรือเปล่า

สิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้จากฝนที่ตกลงมาต่อคุณภาพของการก่อสร้างบ้านว่ามีคุณภาพดีพอหรือไม่ ไล่กันตั้งแต่หลังคายันฝาบ้าน รวมไปถึงระบบสุขาภิบาลในบ้าน ในช่วงเวลาที่มีฝนตกลงมา หลายโครงการประสบปัญหารั่วซึมให้เห็นกันจะจะ แถมการระบายน้ำภายในบ้านยังไม่ดีพอ รวมไปถึงการเทพื้นที่ไม่ได้มาตรฐานจึงทำให้เห็นน้ำท่วมขังกันบ่อยๆ

ช่วงเวลาที่เหมาะจะสังเกตพฤติกรรมของน้ำฝนก็คือ เวลาที่ฝนตกหนักๆซึ่งจะมีลมพายุพัดแรงทุกทิศทุกทาง ควรจะสังเกตว่าน้ำฝนที่หลังคาไหลไปทิศทางใดบ้าง มีส่วนใดของบ้านเกิดรอยด่างเพราะน้ำฝนหรือไม่ บริเวณที่ควรสำรวจดูร่องรอยน้ำฝน ได้แก่

1. ระหว่างวงกบและผนังปูนจะมีขอบยางกันน้ำรั่วเข้ามาเวลาฝนตกแรงๆ โดยปกติน้ำจะไม่รั่วเข้ามาภายในรอยต่อที่ผนังปูนฉาบกับวงกบประตู

2. หน้าต่าง เมื่อวัสดุต่างชนิดกันมาเชื่อมต่อกัน จึงไม่สามารถทำให้แนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกันได้ วัสดุจะมีการยืดหดตัวอยู่เสมอตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นเมื่อฝนตกแรงๆ อาจทำให้ฝนเซาะเข้าตามร่องรอยต่อระหว่างวงกบและผนัง อีกทั้งเกิดแรงดูดของอากาศจากภายในห้องในช่วงฝนตก ทำให้น้ำฝนวิ่งเข้าสู่ช่องว่างของรอยต่อได้

3. พื้นเฉลียงและระเบียง หลังฝนตกให้สังเกตดูว่าบริเวณพื้นเฉลียง และระเบียงมีน้ำเจิ่งนองหรือน้ำฝนขังเป็นแอ่งหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าพื้นผิวมีการระบายน้ำไม่ดีพอ

สาเหตุและการแก้ไขรอยรั่วซึมน้ำฝน

1. เกิดจากน้ำฝนไหลย้อนเข้าตามรอยต่อของกระเบื้องมุงหลังคา เนื่องจากกระเบื้องมุงหลังคามีรอยแตกร้าว เพราะมีเศษกิ่งไม้หรือวัสดุปลิวมาถูกหลังคา หรือปูนยาแนวที่รอยต่อสันหลังคาและครอบหลังคาร้าว รางน้ำฝนมีเศษใบไม้และขยะไปอุดตัน ทำให้น้ำฝนไหลออกจากหลังคาไม่ได้ จึงไหลย้อนเข้าไปสู่ฝ้าเพดานภายใน และฝ้าระแนงภายนอกเกิดเป็นรอยด่างน้ำขึ้น

การแก้ไข
ต้องให้ช่างซ่อมหลังคาขึ้นไปตรวจสอบหาสาเหตุ หรืออาจต้องเปิดฝ้าเพดานภายใน เพื่อตรวจหาจุดที่น้ำไหลย้อนสัมพันธ์กับส่วนหลังคาตรงจุดใด เมื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงแล้วก็แก้ไขเสีย เช่น เปลี่ยนกระเบื้องที่แตกร้าว หรือซ่อมปูนยาแนวสันหลังคาและครอบข้าง (ส่วนครอบที่ต่อผนังบ้าน) หรือเก็บกวาดเศษใบไม้ที่ทำให้รางน้ำอุดตัน หลังจากการแก้ไขแล้ว ใ้ห้ทิ้งระยะรอให้ฝนตกรอบใหม่ หรือรอจนสิ้นสุดฤดูฝนเพื่อจะได้ตรวจให้มั่นใจว่าไม่มีรอยรั่วซึมเพิ่มจากรอยเดิม จึงค่อยซ่อมแซมเปลี่ยนฝ้าเพดานและทาสีให้เรียบร้อยเมื่อหมดฝน

2. เกิดจากน้ำซึมเข้ามาจากรอยร้าวที่ผนังตรงรอยต่อของวงกบผนัง ทำให้น้ำไหลซึมไปที่ฝ้าเพดานและรอยร้าวของปูนฉาบ (ถ้ามี)

การแก้ไข
ต้องซ่อมแซมรอยร้าวที่ผนังให้เรียบร้อย อาจใช้ซีแลนต์ยาแนวตามรอยร้าว แล้วทดสอบโดยดูจากที่ฝนตกลงมาแรงๆ แล้วไม่รั่วซึมอีกหรือจนสิ้นสุดฤดูฝนแล้วซ่อมแซม จากนั้นจึงค่อยซ่อมแซมฝ้าเพดาน ควรทำการซ่อมแซมในช่วงฤดูหนาว เพื่อให้ช่างทำงานได้สะดวก

สิ่งเหล่านี้สามารถตรวจสอบและแก้ไขปรับได้ในช่วงฤดูฝน แล้วอย่างนี้ใครจะว่าซื้อบ้านหน้าฝนไม่ดีไม่ได้แล้ว

แสงไฟเพื่อบรรยากาศของบ้านสวย


แสงไฟ…เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับการใช้ชีวิตของมนุษย์ เพื่อทดแทนหรือเพิ่มเติมความสว่างจากแสงธรรมชาติ เพื่อให้การทำกิจกรรมต่าง ๆ เป็นไปอย่างสะดวกและปลอดภัย หรือเป็นการเพิ่มความสว่างให้กับมุมอันมืดทึบของบ้าน

หากนอกเหนือจากความสำคัญในเรื่องประโยชน์ใช้สอยแล้ว แสงไฟยังเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการตกแต่ง รูปแบบและดีไซน์ของไฟชนิดต่าง ๆ เป็นรายละเอียดหนึ่งที่สร้างเสน่ห์ให้กับบ้าน แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ แสงไฟสร้างอารมณ์และบรรยากาศที่แตกต่างหันไป สามารถขับรายละเอียดของสถาปัตยกรรมให้โดดเด่น เน้นความสวยงามของของตกแต่งหรือรูปภาพให้เด่นขึ้น การออกแบบแสงไฟจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นสไตล์ และความน่าสนใจของงานตกแต่งเช่นกัน

ลักษณะการใช้แสงไฟในที่อยู่อาศัย
หากจะพูดอย่างง่ายที่สุด แสงไฟในที่อยู่อาศัยจะมีสององค์ประกอบด้วยกัน คือที่มาของแสงโดยตรงอันได้แก่หลอดไฟ และรูปร่างหน้าตาของโคมหรือโป๊ะไฟ ในการเลือกแสงไฟสำหรับบ้าน คุณไม่ควรคำนึงถึงเพียงรูปร่างของมัน แต่ต้องคำนึงถึงคุณภาพและลักษณะของการกระจายแสงด้วย ซึ่งโดยทั่วไปลักษณะการกระจายของแสงจะมีอยู่ 3 ชนิดคือ ุ
- แสงที่ส่องออกมาอย่างสม่ำเสมอในทุกทิศทาง ุ
- แสงที่ส่องออกมาทางด้านใดด้านหนึ่ง และมีความฟุ้งกระจายเล็กน้อย ุ
- แสงที่บีบให้เป็นลำแสง
เราจำเป็นต้องเลือกลักษณะของการส่องสว่าง ให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละส่วนของบ้าน ซึ่งเราอาจแบ่งลักษณะของการใช้แสงไฟในบ้านได้เป็น 3 ประเภทคือ

แสงพื้นฐาน (Background Lighting) ุ
แสงชนิดนี้เป็นแสงที่จำเป็นสำหรับการทดแทนแสงธรรมชาติ โดยทั่วไปมักจะเป็นไฟที่ติดบนเพดานหรือโคมไฟห้อยจากเพดาน (Pendant) หรือตัวเลือกอย่างอื่น เช่นไฟกำแพง ไฟที่ส่องขึ้นข้างบน (Uplight) หรือโคมไฟตั้งโต๊ะ ซึ่งทั้งหมดนี้จะให้แสงที่น่าสนใจมากกว่าการใช้แสงไฟสว่าง ๆ ดวงเดียวเหนือหัว ซึ่งจะดูน่าเบื่อและไม่ดึงดูดใจ

แสงไฟสำหรับการทำงาน (Task Light) ุ
ในบริเวณเช่นครัว เคาน์เตอร์ ห้องทำงาน หรือที่ใดก็ตามที่มีการทำงานเฉพาะอย่างเกิดขึ้น ต้องการระดับแสงที่สว่างเป็นพิเศษ ซึ่งควรจะติดตั้งในตำแหน่งที่ไม่ทำให้เงาตกลงบนงานที่กำลังทำอยู่ แสงไฟที่กำหนดทิศทางได้ เช่น ดาวน์ไลท์ โคมไฟสำหรับโต๊ะทำงานที่ปรับมุมได้ หรือสปอตไลท์ เป็นไฟ ที่เหมาะสมสำหรับบริเวณเช่นนี้ หรืออาจใช้ไฟที่สว่างเป็นพิเศษ ซึ่งปกติมักจะใช้ในจุดที่มืดและอาจเป็นอันตรายได้ง่าย เช่น บันได หรือทางเดินภายนอกบ้าน มาใช้ในส่วนทำงานก็ได้

แสงไฟสำหรับเน้นส่วนสำคัญ (Accent Light) ุ
สำหรับการขับเน้นของตกแต่งที่จัดวางเอาไว้ แสงไฟเฉพาะจุด เช่น สปอตไลท์ จะเป็นแบบที่ได้ผลดีเป็นพิเศษ เพราะมันสามารถปรับมุมองศาสำหรับส่องสว่างได้ นอกจากนี้ ก็อาจใช้ไฟลักษณะอื่นก็ได้ เช่น ไฟส่องรูปภาพ (Picture Light) ไฟที่ซ่อนอยู่ในชั้นวางของ หรือโคมไฟตั้งพื้นที่ส่องแสงขึ้นข้างบน Floor-standing Uplight)

ประเภทของหลอดไฟ
หลอดไฟที่ใช้กันในบ้านมีอยู่ 3 ประเภทหลัก ๆ คือ ทังสเตน (tungsten) ทังสเตน ฮาโลเจน (Tungsten Halogen) และ ฟลูออเรสเซ้นต์ (Fluorescent) ความแตกต่างระหว่างมันขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการใช้พลังงานของมัน อายุการใช้งานโดยเฉลี่ย และที่สำคัญที่สุดก็คือทางด้านสุนทรียภาพ อันเกิดจากสีสันของบรรยากาศโดยรวม ที่ต่างกันไปเมื่อใช้หลอดไฟต่างชนิดกัน
เป็นแสงชนิดที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดสำหรับการใช้งานในบ้าน หลอดไฟชนิดนี้ประกอบด้วยเส้นลวดเล็ก ๆ ซึ่งส่องสว่างอยู่ภายในหลอดไฟ ที่มักเป็นกระจกแก้วใสหรือฝ้า และบรรจุก๊าซสเฉื่อย (Inert Gas - ก๊าซที่จะไม่ประกอบกับวัตถุอื่น เช่น นีออน อาร์กอน ฮีเลียม) ซึ่งมีความเข้มข้นน้อย เมื่อเทียบกับแสงธรรมชาติ

-ทังสเตน จะเป็นแสงที่อบอุ่น ออกโทนสีเหลือง และเหมาะสำหรับการใช้ในงานตกแต่ง เพราะไม่ทำให้สีสันของสิ่งของเปลี่ยนไป และให้ความแตกต่างในด้านโทนที่ดี อย่างไรก็ตาม ทังสเตนมีข้อเสียกว่าหลอดไฟชนิดอื่นก็คือ หลอดไฟมีอายุการใช้งานสั้น และทำให้เกิดความร้อน แต่ก็มีข้อดีตรงที่ราคาไม่แพง และสามารถใช้งานร่วมกับดิมเมอร์ (Dimmer - อุปกรณ์หรี่ไฟ) ได้

-ทังสเตน ฮาโลเจน
หลอดไฟชนิดนี้จะให้แสงที่ดูเย็นขาวกว่าและสว่างกว่าทังสเตน โดยในหลอดไฟจะใส่ก๊าซฮาโลเจน ซึ่งเป็นองค์ประกอบทางเคมีอย่างหนึ่ง ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับไอร้อนจากไส้แบบทังสเตน ทังสเตนฮาโลเจนใช้ได้ผลดีมากในการแสดงรายละเอียดของสีสัน ทำให้ดูมีคอนทราสต์ และด้วยความที่ให้ความรู้สึกสดใสและสว่างมาก ทำให้เหมาะจะใช้กับแสงที่ส่องขึ้นข้างบน ไฟสปอตไลท์ และไฟที่เน้นจุดสำคัญ หลอดไฟชนิดนี้สามารถใช้กับดิมเมอร์ได้เช่นกัน

-ฟลูออเรสเซนต์
แสงไฟชนิดนี้จะมีผลต่อสีและโทนเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม มีหลอดฟลูออเรสเซ้นต์สมัยใหม่ที่เลียนแบบแสงธรรมชาติ และมีการใช้ชนิดของแก้วที่ใช้ทำตัวหลอดต่าง ๆ กันไป ทำให้แสงไฟดูนุ่มนวลขึ้น


ไฟเพดาน
ไฟที่ติดตายอยู่เหนือศีรษะ ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟกิ่งไฟช่อ หรือไฟติดเพดาน เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการให้กำเนิดแสง โดยทั่วไปสำหรับบ้าน อย่างไรก็ตามการใช้แสงชนิดนี้เพียงอย่างเดียว ดูจะขาดเสน่ห์ไปสักหน่อย และให้ความรู้สึกอันแห้งแล้งไร้ชีวิตชีวา ควรมีการเพิ่มแสงไฟชนิดอื่น เช่น ดาวน์ไลท์ หรือสปอตไลท์ และติดตั้งดิมเมอร์เพื่อจะได้ปรับสภาพแสงได้ตามต้องการ

ไฟที่ห้อยจากเพดาน (pendant)
รูปแบบของโคมไฟห้อยเพดานนั้นมีแตกต่างกันมากมาย ทั้งราคาและคุณภาพแสง โป๊ะแก้วหรือเซรามิค จะทำให้แสงกระจายออกไปเท่ากันในทุกทิศทาง แต่ถ้ามีโคม (Shades) คลุมไม่ว่าจะเป็นกระดาษ โลหะหรือผ้า จะทำให้แสงส่องลงไปข้างล่างตรง ๆ แชนเดอเลียร์ (Chandeliers) เป็นไฟเพดานที่ให้ความสว่างมากประเภทหนึ่ง เพราะมันรวมเอาหลอดไฟเล็ก ๆ มากมายไว้ด้วยกัน แต่ส่วนมากมักจะมีราคาแพง

ไฟติดเพดาน (Ceiling-mounted Light)
โดยทั่วไปค่อนข้างจะเรียบ และถือเอาประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ ส่วนมากจะไม่มีโคมคลุม แต่อาจมีที่ครอบเป็นแก้วหรือพลาสติกคลุมให้แสงที่ส่องกระจายไปเท่ากันในทุกทิศทาง

ไฟดาวน์ไลท์ (Downlight)
เป็นไฟเพดานที่ทำได้ทั้งแบบทำเป็นช่องเจาะลึกเข้าไปภายใน หรือติดอยู่บนผิวหน้าของเพดาน ให้ประโยชน์ใช้สอยที่ดี และดูมีเสน่ห์กว่าธรรมดา ให้ทิศทางของแสงที่ส่องลงมาข้างล่าง และให้ได้ทั้งลำแสงแคบหรือกว้าง สามารถหันทิศทางให้ส่องไปยังกำแพงหรือพื้นผิวอื่น ๆ ได้ ดาวน์ไลท์มีประโยชน์มาก และเป็นการให้แสงที่น่าสนใจสำหรับส่วนทำงานบางส่วน เช่น เคาน์เตอร์ในครัว หรือจะใช้เป็นไฟแบ็คกราวนด์ที่ดูน่าสนใจได้ด้วย โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับสวิทช์ไฟ แบบดิมเมอร์

ไฟเพดานแบบอื่น ๆ
สปอตไลท์สามารถใช้ติดตายบนเพดาน หรือติดบนราง และใช้เป็นไฟแบ็คกราวนด์ หรือส่องสว่างเน้นในจุดสำคัญบางจุดก็ได้ หลอดฟลูออเรสเซ้นต์แบบติดเพดาน เหมาะสำหรับส่วนใช้งานที่ต้องการประโยชน์ใช้สอยเต็มที่ เพื่อตัดแสงสะท้อนเข้าตา อย่าซื้อไฟโดยไม่ทดลองเปิดดูเสียก่อน

สปอตไลท์และไฟติดผนัง
สปอตไลท์
เป็นรูปแบบหนึ่งที่สามารถยืดหยุ่นได้มากที่สุดในการให้แสง ไม่เพียงแต่ใช้ในจุดที่ต้องการเน้น หรือสำหรับการทำงานเท่านั้น แต่สามารถนำมาใช้ในการให้แสงสว่างทั่ว ๆ ไปก็ได้ แม้ว่าโดยทั่วไปจะติดที่เพดาน แต่สปอตไลท์ก็สามารถนำมาติดกำแพงได้ด้วย จะใช้ดวงเดี่ยว ๆ หรือเรียงกันเป็นราวก็ได้ มีทั้งสปอตไลท์แบบติดกับขาตั้ง หรือสปอตไลท์พร้อมด้วยขาแบบหนีบ ที่เคลื่อนย้ายได้ตามต้องการ

สปอตไลท์มีรูปแบบการดีไซน์มากมาย รวมทั้งขนาดด้วย มันให้ได้ตั้งแต่ลำแสงแบบกว้าง จนกระทั่งถึงลำแสงแบบแคบเล็ก และความได้เปรียบอย่างมากของสปอตไลท์ ก็คือง่ายที่จะวางตำแหน่ง และปรับทิศทางของมัน คุณสามารถตั้งองศาทิศทางของแสงไฟ ได้หลายทิศทาง ควรรวมกลุ่มสปอตไลท์ มากกว่าหนึ่งในแต่ละจุด โดยใช้ทำเป็นรางบนกำแพงหรือบนเพดานก็ได้

ไฟผนัง ( Wall Light)
แม้จะเป็นไฟที่ไม่ค่อยเด่นเหมือนดาวน์ไลท์หรือสปอตไลท์ แต่ก็มีให้เลือกหลายแบบเช่นกัน ทั้งแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่ แบบดั้งเดิม มักจะอยู่ในรูปของโป๊ะที่ยื่นออกมาจากผนัง ส่วนแบบสมัยใหม่มีหลายแบบส่วนมากมักจะติดเป็นคู่ การกระจายของแสงขึ้นอยู่กับรูปร่างของโคม และไฟผนังเหมาะที่สุด สำหรับโต๊ะแต่งตัว โดยติดรอบกรอบกระจกแบบห้องแต่งตัวในโรงละคร โดยไม่ต้องมีโคมคลุม เพราะจะให้แสงสว่าง โดยไม่เกิดเงาบนใบหน้า

สวิทช์ไฟ นอกจากสวิทช์สีขาวแบบที่เห็นกันทั่วไปแล้ว ยังมีสวิทช์ไฟที่ออกแบบให้สวยงาม เหมาะสำหรับการตกแต่ง ให้เลือกหาเช่นกัน เช่น สวิทช์ทองเหลือง สวิทช์ไม้ เหล็ก หรือโครเมี่ยม ซึ่งคุณสามารถเลือกให้เข้ากับรูปแบบของการตกแต่งของคุณได้

ดิมเมอร์คอนโทรล

ไม่ว่าจะเป็นไฟชนิดไหนประเภทไหนก็ตาม จะได้ผลอย่างเต็มประสิทธิภาพขึ้น ถ้าคุณสามารถปรับระดับความเข้มของแสงได้ สวิทช์แบบดิมเมอร์ติดตั้งง่าย และมีประโยชน์มากเป็นพิเศษในห้องที่มีประโยชน์ใช้สอยมากกว่าหนึ่ง (Multi-purpose Room) เช่น ครัวกับห้องอาหาร ที่รวมกันอยู่ ซึ่งต้องการแสงสว่างมากในจุดหนึ่ง และต้องการแสงที่นุ่มนวลกว่าในอีกจุดหนึ่ง

ไฟตั้งโต๊ะและตั้งพื้น
ไฟสองชนิดนี้เป็นทางเลือกที่เป็นที่นิยมกันมาก ทั้งสำหรับในส่วนทำงาน หรือเป็นไฟส่องสว่างทั่วไป และเป็นของแต่งบ้านได้เท่ากับเป็นของที่มีประโยชน์ มีให้เลือกมากแบบทั้งสีสัน รูปทรง ดีไซน์ และขนาด ซึ่งสามารถเลือกให้เหมาะกับการตกแต่งได้ทุกแบบ

โคมไฟตั้งโต๊ะ (Table Lamps)
โคมไฟชนิดนี้ควรมีฐานที่หนักพอสมควร เพื่อจะตั้งได้อย่างมั่นคง และรับน้ำหนักของหลอดไฟและโคมได้ ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ ผ้า หรือเปลือกหอย โคมไฟตั้งโต๊ะให้แสงที่นุ่มนวล และกระจาย แสงไฟมักส่องขึ้นข้างบน (แต่ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบของโคมด้วย) การวางโคมไฟตั้งโต๊ะไว้หลาย ๆ อันรอบห้อง จะสร้างแสงและเงาที่ให้ผลในการสร้างบรรยากาศอย่างมาก จึงเป็นวิธีหนึ่งที่ดีของการใช้แสงสำหรับทั่ว ๆ ไป

โคมไฟโต๊ะทำงาน (Desk Lamps)
จุดประสงค์ของมันก็คือการให้แสงสว่าง ตรงไปยังบริเวณที่ต้องการโดยเฉพาะ รูปแบบที่ถือว่าเหมาะที่สุดสำหรับไฟที่โต๊ะทำงาน คือไฟที่ปรับขาตั้งได้ ทำให้ได้ทิศทางของแสงตามที่ต้องการ

โคมไฟตั้งพื้น (Floor Lamps)

โคมไฟแบบลอยตัวสำหรับตั้งพื้นช่วยในการเพิ่มระดับของการส่องสว่างที่สว่างพอสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การอ่านหนังสือ ส่วนมากมักจะใช้ไฟฮาโลเจน เพราะให้แสงที่สว่างกว่า รูปแบบก็มีทั้งแบบโคมไฟที่มีขาตั้งแบบเก่า แบบที่ไฟส่องขึ้นข้างบน แบบที่ปรับมุมได้ หรือบางทีก็ใช้สปอตไลท์ตั้งบนขาตั้ง ไฟตั้งพื้นไม่จำเป็นต้องสูงมาก แต่อาจจะเป็นไฟที่วางไว้บนพื้นในระดับต่ำ ๆ เพื่อส่องสว่างให้กับกลุ่มต้นไม้ที่ใช้ตกแต่งภายใน หรือของตกแต่งที่อยู่บนพื้น หรือเพียงแต่เพิ่มความรู้สึกให้กับแสง

- ตรวจเช็คสายไฟและระบบไฟของคุณทุกห้าปี
- ระบบใดก็ตามที่เก่ากว่า 25 ปี ต้องเปลี่ยนใหม่
- อย่าทำให้เต้าเสียบไฟทำงานเกินกำลัง ด้วยการใช้เสียบปลั๊กหลายอันในคราวเดียว
- รีบเปลี่ยนสายไฟ หรือปลั๊กที่ชำรุด
- ให้เครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ห่างจากห้องน้ำ
- ทุกครั้งที่ทำอะไรเกี่ยวกับไฟ ต้องปิดคัทเอาท์เสียก่อนเสมอ
- ดึงปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าออกก่อนที่จะทำอะไร

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

วิธีการจัดบ้านให้อยู่สบายในทุกหน้าร้อน


บทความนี้ขอเสริมจากหลักฮวงจุ้ย และหลักจัดบ้านเพิ่มเติมครับ

1. ให้โครงสร้างบ้านกำหนด ถ้ามีบ้านอยู่แล้วคงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากจะทบรื้อซ่อมไปเป็นจุดๆ แต่สำหรับผู้ที่กำลังซื้อหาหรือสร้างบ้านใหม่ ให้คิดถึงบ้านเก่าๆ สมัยบรรพบุรุษของเราสร้างไว้ได้เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราเช่น มีช่องเปิดมากๆ สำหรับรับลมรับแสง แล้วเราค่อยหาต้นไม้ปลูกโดยรอบอีกทีเพื่อกรองแสงกรองฝุ่น หลังคาควรให้สูงแหลมเพราะกระจายความร้อนได้ดี การทำชายคายาวจะช่วยบังแดดและกันฝนสาดได้ดี การทำหน้าต่างเตี้ยจะช่วยให้ลมพัดผ่านได้ดีกว่าหน้าต่างสูง

2. เลือกวัสดุลดความร้อน

พื้น หินอ่อน กระเบื้อง น่าจะเย็นดี แต่ไม่ดีแน่ถ้าเป็นหน้าฝนหรือหน้าหนาว พื้นไม้ จะให้ความรู้สึกดีกว่า แต่ราคาแพง ทางเลือกที่ดีที่สุดคือ ปาร์เกต์ เพราะมีหลายเกรดหลายราคาให้เลือก

ฉนวนกันความร้อน ควรเลือกใช้มากๆ ใช้บุใต้หลังคาเหนือฝ้าเพดาน จะช่วยดักความร้อนที่ทะลุจากหลังคาสู่ภายในบ้านให้เป็นไปได้ยากขึ้น

มวลความร้อนใหญ่ๆ เช่น ผนังคอนกรีต ลานคอนกรีตในสนามและทางเดินในสวน ควรหลีกเลี่ยงการใช้มากที่สุด การปล่อยเป็นพื้นสนามช่วยลดอุณหภูมิพื้นได้ดีกว่ามีคอนกรีตปูนรองรับ

กระจก วัสดุที่ให้ความรู้สึกของห้องที่กว้าง หรูหรา ควรเลือกกระจกโพลทแบบตัดแสง ซึ่งจะช่วยลดปริมาณแสงและความร้อนที่ผ่านกระจก หรอืแบบสะท้อนแสง Reflective Grass ที่ช่วยสะท้อนแสงและความร้อนไม่ให้เข้าภายในอาคาร

3. ชนิดของเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะ

ทั้งขนาดและชนิดของวัสดุ ถ้ามีขนาดใหญ่ สูง หนาและทึบตัน จะยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัด ควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นที่บางดีไซด์โปร่งเบา วัสดุหนังจะทำให้รู้สึกอบอุ่นในบรรยากาศเย็น แต่ไม่สบายตัวกับสภาพอากาศร้อน เช่นเดียวเฟอร์นิเจอร์ผ้าที่ให้ความรู้สึกสบายตา ซับเหงื่อได้ดี แต่เหนียวตัวเหนอะหนะถ้าอากาศร้อน ควรเลือกใช้วัสดุธรรมชาติที่ผสมผสานเนื้อผ้าแต่เพียงน้อยจะทำให้รู้สึกสบายตัวมากที่สุด

4. การจัดวางข้าวของให้เป็น

ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ได้ถ้าไม่ใช้ความละเอียด เช่นการวางตู้สูงปิดบังช่องหน้าต่าง จะทำให้ห้องทึบอึดอัดลมไม่ผ่าน ควรจัดข้าวของให้มีน้อยชิ้นให้เป็นระเบียบ ปล่อยพื้นที่ว่างเยอะๆ อากาศจะได้ถ่ายเทได้สะดวก

5. ลองเทคนิคดีๆ ช่วย

- ควรทำแหล่งน้ำให้บ้าน ควรเป็นแหล่งน้ำเล็กๆ ก็สามารถช่วยลดความร้อนได้ แต่ถ้าใหญ่เกิน แล้วไม่มีไม้น้ำปกคลุม ก็จะกลายเป็นแหล่งสะสมความร้อนแทน

- ติดสปริงเกอร์บนหลังคาบ้าน จะช่วยระบายความร้อนออกไป แต่อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง และเปลืองค่าไฟ

- ปลูกต้นไม้ใหญ่ เพื่อให้ร่มเงา ดูดรับความร้อนแทนบ้านให้ประโยชน์สองทางนอกเหนือจากการสร้างบรรยากาศร่มเย็นในสวน